ดิว ไปด้วยกันนะ

ดิว ไปด้วยกันนะ

ดิว ไปด้วยกันนะ (Dew) ภาพยนตร์โรแมนติกดราม่า LGBT ชื่อหนังสั้นๆ แต่ชวนให้ติดตาม แอบสงสัยนิดๆ ว่าหนังเกี่ยวกับอะไร ตลก ดราม่า หรืออะไร เพราะปกติจะไม่ค่อยดูหนังไทยซักเท่าไหร่ จะเลือกดูแบบที่สนใจจริงๆ หลังๆ มานี่จะเริ่มดูหนังไทยมากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย แต่ก่อนแทบไม่ดูเลยก็ว่าได้ เท่ากับว่าเริ่มเปิดใจให้กับหนังไทยมาได้ซักระยะหนึ่งละ หลังจากที่เริ่มติดตามผลงานของน้อง ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ และน้องณเดชน์ คูกิมิยะ จากดูละครของน้องๆ ก็ขยับไปดูหนังไทยของน้องๆ คือ หนังเรื่อง นาคี 2 ที่หนังสามารถทำรายได้สูงหลายร้อยล้านบาท จากหนังเรื่อง นาคี 2 นี่เองทำให้เห็นเราเห็นวิวัฒนาการของการทำหนังไทยที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากมาย

หลังจากนั้นก็เริ่มเปิดใจมากขึ้น เริ่มเข้าไปดูหนังที่มีนักแสดงคนอื่นๆ บ้าง เริ่มจากหนังเรื่อง แสงกระสือ ที่ทำเงินได้หลัก 100 ล้านบาท ทำให้รู้สึกว่าเออ เดี๋ยวนี้หนังไทยมันน่าดูมากขึ้นๆ จริงๆ แต่ทำไม ยังไม่ค่อยได้รับความนิยมมากเท่ากับหนังต่างชาติ หากเราคนไทยด้วยกันควรจะช่วยกันสนับสนุนหนังไทยกันให้มากกว่านี้เนาะ เราอาจจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เรื่อยๆ ก็เป็นได้ เท่าที่มีข้อมูล ฝีมือคนไทยในการทำงานด้านนี้ไม่ได้น้อยหน้าชาติใดๆ ในโลกนี้เลย อย่างงานพวกกราฟิก งาน CG Animation ต่างๆ ต่างชาติมาจ้างคนไทยทำก็เยอะแยะไปหมด และหวังว่าหนังไทยที่ทำออกสู่ตลาด จะมีหนังคุณภาพมากขึ้น มีหลายหลากบท ให้พวกเราได้ดูกัน ได้แต่หวังและรอ…

เริ่มจะเล่าอะไรออกทะเลละเรา ฮาๆ วกกลับมาที่หนังเรื่อง “ดิว ไปด้วยกันนะ” เป็นหนังไทยล่าสุดที่เราเลือกที่จะเข้าไปนั่งดู เราชอบไปดูวันแรก และรอบแรกของหนังเข้าซะด้วย ปกติเราจะเลือกดูหนังอะไร เราจะดูคราวๆ แค่ว่า เกี่ยวกับอะไร ใครแสดง ดูภาพรวมแล้วเราสนใจไหม ภาพสีสันในหนังด้วย คือ ส่วนที่ตัดสินใจไปดู  เราชอบถ่ายรูป ฉะนั้นเราจะชอบหนังอะไรที่มีภาพสวยๆ เป็นพิเศษ

สำหรับเรื่องนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักระหว่างผู้ชายด้วยกัน ที่เรียนในช่วงมัธยมปลาย ในช่วงยุค ปี 2539-2540 ก็เป็นแนว LGBT ตามศัพท์ที่คนทั่วไปเข้าใจกันในยุคปัจจุบัน หากเป็นยุคสมัยนั้นก็จะถูกเรียกว่า พวกเบี่ยงเบนทางเพศ… ฟังดูเหมือนจะเป็นคำที่ค่อนข้างใจร้ายมากที่เรียก คนที่เขามีความรักแบบนี้ เราสนใจดูหนังเรื่องนี้ เพราะเราถูกจัดเป็นหนึ่งในคนเบี่ยงเบนทางเพศเหมือนกัน และหนังเป็นช่วงชีวิตของคนที่เรียนอยู่ในช่วงมัธยม แม้จะช่วงปีของหนัง จะมากกว่าตอนเราเรียนไปประมาณ 6-7 ปี เราก็ไม่อยากหักลบจำนวนเลขไปมากกว่านี้เดี๋ยวรู้อายุกันหมด แบบว่านิ้วมือ นิ้วเท้านับกันไม่พอเลยแหละ ฮาๆ และหนังเรื่องนี้มาถ่ายทำทางภาคเหนือที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ต้องมีวิวสวยๆ แน่นอนขึ้นชื่อว่าน้องมะเดี่ยว (ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล) เป็นคนเขียนบทและผู้กำกับแล้วละก้อ เรื่องสถานที่ถ่ายทำนี่ต้องแปลกตาแน่นอน และด้วยเราเป็นคนเหนือสุดในสยามด้วย จะเกี่ยวกันไหมนะ! เอาเป็นว่าไปดูวันแรก รอบแรก ณ เมเจอร์ ที่เช็นทรัลเชียงรายละกันนะ เกริ่นมาซะย๊าวยาว คนอ่านจะเริ่มรำคาญละ ฮาๆ

เราจะไม่เล่าเนื้อเรื่องของหนังอะไรมากมาย เพราะหลายคนอาจจะรู้แล้ว หลายคนกำลังหาคำตอบว่าจะไปดูดีไหม คนอื่นเขารีวิวว่าไง ในความคิดส่วนตัวในการเลือกดูหนัง หากเราเพียงแค่สนใจอยากดู ก็ตัดสินใจไปดูเลย เพราะความชอบ ความรู้สึกของแต่ละคนมันไม่เหมือนกันจริงๆ บางคนบอกว่าไม่ชอบตอนนั้น ตอนนี้ บางคนบอกชอบตอนนี้ ตอนนั้น แต่พอเอาเข้าจริงๆ เราไปดูเอง เรากลับไปชอบอะไรที่ไม่เหมือนคนอื่น หรือไม่ชอบอะไรเหมือนกับคนอื่นก็ได้…  การอ่านรีวิวมากอาจจะจะทำให้เราเสียความเป็นตัวของตัวเอง จงเชื่อมั่นกับความรู้สึกอยาก ของเราเอง แล้วเข้าไปดู ดูแล้วเราได้อะไรจากหนัง ข้อคิดอะไรบ้าง อะไรดีเราก็เก็บเอามาใช้ อะไรไม่ดีไม่ชอบเราก็ทิ้งมันไป และรับรู้ไว้ว่าแบบนี้ไม่ถูกต้อง ไม่ชอบ เราจะได้ไม่ทำแบบนั้น… แบบนี้ต่างหากถึงจะได้ประโยชน์จากการดูหนังที่เราอยากดู ^-^  สำหรับเราเอง เราดูหนังหรือละครต่างๆ เรามักจะได้ข้อคิดดีๆ กลับมาเสมอๆ บางอย่างเอามาปรับใช้กับชีวิตประจำเราได้อย่างดีทีเดียว

หนังเปิดฉากแรกมา ด้วยเสียงเพลง “ดีเกินไป” จำได้ว่าของ Smile Buffalo ดังกระหึ่ม ความรู้สึก “จี๊ด” เหมือนมีอะไรมาจี้ต่อมความรู้สึกที่อยู่ฝังลึกมานานมากให้รู้สึกออกมา โดนจี้จุดตั้งแต่ฉากแรกเลยเรา เหอะๆ แล้วภาพในฉากต่างๆ ก็เริ่มเผยมาให้เราได้ยลโฉม ฉากย้อนยุคสมัยวัยเรียนมัธยมปลาย ห้องเรียน ในโรงเรียนประจำอำเภอ ห่างไกลตัวเมือง หยดน้ำตาแรกของเรา ร่วงออกมาแบบไม่รู้ตัวเมื่อถึงฉากชั่วโมงลีลาศ! … ภาพเก่าๆ เมื่อตอนเราเรียนเต้นลีลาศเมื่อครั้งเรียนอยู่ ม.ปลาย ในโรงเรียนประจำอำเภอ ก็ผุดขึ้นมาแบบ โอ้ยยยยย อยากจะกรี๊ด น้ำตาไหลได้ไง!

ควดิวไปด้วยกันนะามทรงจำเก่าๆ มันแข่งกันผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ดโดนน้ำฝน ใจเต้นตึกๆ ตักๆ ความรู้สึกที่โผล่ขึ้นมา คือ คำว่า “คิดถึง” คิดถึงในตอนนั้นซะจริงๆ ช่วงชีวิตในวัยเรียนมัธยม ที่ต้องต่อสู้กับคำว่า พวกเบี่ยงเบนทางเพศ พวกทอม ดี้ กะเทย ตุ๊ด เพื่อนแอบรักเพื่อน เพื่อนทะเลาะกับเพื่อน มีครบทุกรสซะจริงๆ ยิ่งดูยิ่งมีคำถามไปถึงคนเขียนบทว่า นี่เขาเอาเรื่องฉันไปเขียนบทหรือเปล่าเนี๊ยะ ทำไมมันช่างคล้ายกันมากซะขนาดนี้ แต่มันต่างกันตรงที่ ความรักของเราเป็นความรักระหว่างเพื่อน ความผูกพันธ์ระหว่างเพื่อนที่เป็นเพื่อนพิเศษที่เรียกว่า เพื่อนรัก ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ไม่ใช่คบกันแบบแฟนเหมือนในหนัง คนอื่นมักจะมองผิดๆ เสมอ แต่ก็ไม่ได้แคร์อะไรกับสายตา และคำครหาเหล่านั้น เพราะวางตัวดีเสมอมา ด้วยความจริงใจว่างั้นเหอะ คิดถึงชีวิตช่วงนั้นมันก็สนุกไปอีกแบบนะ

เหตุการณ์ต่างๆ ในหนังเหมือนเล่ามาจากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น บรรยากาศโดยรอบ สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ในยุคนั้น กิจกรรมในยุคนั้น มันใช่ที่เคยผ่านมาหมดเลย โดยเฉพาะการได้ไปเรียนติวพิเศษช่วงปิดเทอมที่ตัวอำเภอเมืองเชียงใหม่ หากเป็นคนทางเหนือในยุคนั้นน่าจะเคยมีไปเรียนติวที่เชียงใหม่กันบ้าง เราเองก็หนึ่งในนั้นที่ได้ไปเรียนช่วงปิดเทอม ไปตอนเรียน ม.4 และ ม.5 ต้องไปอยู่หอพัก เป็นการใช้ชีวิตอยู่หอพักครั้งแรกเลยแหละ มีเรื่องสนุกประทับใจที่ยังคงจดจำ และเรื่องที่ไม่สนุกไม่อยากจะจำแต่ก็ยังไม่ลืม แต่ทุกครั้งที่หวนคิดถึง ก็มีแต่รอยยิ้มให้กับความทรงจำนั้นเสมอ

สายตาที่ดิว (ภวัต จิตต์สว่างดี) มองไปยังภพ (ศดานนท์ ดุรงคเวโรจน์) เป็นสายตาที่ละมุนบ่งบอกถึงความใส่ใจ สนใจ ส่งสารอะไรบางอย่างไปยังภพ คือ มันหวานละมุน เราดูไปก็อินไป ช่วงมัธยมผ่านไป เป็นช่วงวัยทำงาน ความรู้สึกการดูของเราเริ่มเปลี่ยนไป กลายเป็นเรื่องที่รู้สึกขัดแย้งด้านศีลธรรมพอควร แต่ก็ผสมไปกับความเห็นใจ และเห็นความเด็ดเดี่ยวของผู้หญิงชื่อ อร (ญารินดา บุนนาค) ที่เป็นตัวอย่างของการตัดสินใจที่ดี ไม่ต้องลังเลอะไร บางอย่างหากรู้ว่าไปต่อไม่ได้ ก็ต้องยอมถอย และเลือกทางเดินของตัวเองจะดีที่สุด บทของ อร ถึงจะดูน้อยแต่เรากลับรู้สึกว่ามาก จากความนิ่ง และการตัดสินใจของอร

ในหนังมีประโยคที่ชอบหลายประโยค เราจำออกมาจากโรงหนังเลยทีเดียว  โดยเฉพาะช่วงที่ภพ (เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ) ในช่วงปัจจุบัน ได้ยืนที่ประตูไม้

ขอโทษ กับเรื่องแย่ๆ ที่มันเกิดขึ้น

พยายามเติบโต ไม่รู้สึกผิดกับอะไรอีก

แต่ถ้ามันคือการลืม ก็ไม่อยากทำหรอก เพราะมัน คือ ความทรงจำดีๆ ความทรงจำเดียว ที่มีอยู่ในชีวิต

ทำไมกูต้องมาร้องไห้ให้มึงด้วยวะ

กูมีอะไรอีกหลายอย่างที่อยากจะบอกมึง

เอาไว้มึงกับกูเจอกัน

 

เหมือนกับภพ พูดแทนเรายังไงยังงั้นเลย  “ทำไม…ต้องมาร้องไห้ให้มึงด้วยวะ… ” โอ้ยยย น้อ!! ฮานี่น้อ ฮาๆ อินมากเลย

ดิวไปด้วยกันนะ

 

// สำหรับหนังเรื่องนี้ ภาพสีสวย วิวก็สวยมาก โดยเฉพาะมุมสูงที่ถ่ายด้วยโดรน เห็นทะเลหมอก ภูเขา มันสวยมาก ทั้งวิว ทั้งคนแสดง คำพูดต่างๆ ทำให้คนดูอย่างเราน้ำตาไหลไม่หยุดเลยทีเดียว ออกจากโรงหนังมาด้วยความหน่วง แต่อยากชวนให้ดูกัน อาจจะเพราะเราไปผูกกับเรื่องของเราด้วย เลยอินเข้าไปใหญ่ เราเชื่อว่า หลายคนที่ผ่านวัยช่วงนั้นมามีโอกาสได้เจอเหตุการณ์คล้ายกันแน่นอน เราเชื่ออย่างนั้น โดยเฉพาะคนที่โดนตราหน้าว่าเป็นพวก เบี่ยงเบนทางเพศ ที่จู่ๆ ก็จะได้คำนำหน้าขึ้นมาจากเดิมไม่ว่าจะเป็นพวก ทอม ดี้ กะเทย ตุ๊ด เราเชื่อว่าไม่มีใครอยากถูกเรียกอะไรแบบนี้ เช่นเดียวกับเรา จริงๆ เราก็คือ คนๆ หนึ่ง ที่มีความรัก ความชอบในรูปแบบของตัวเอง ที่ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร ก็แค่นั้น แม้ปัจจุบันโลกมันจะเปิดกว้าง เขาบอกว่ากว้าง แต่เรายังรู้สึกว่า มันไม่ได้กว้างมากอย่างที่คนอื่นคิดหรอก แต่มันก็ยังดีกว่าเมื่อก่อนมากก็แค่นั้นเอง

// โพสต์นี้ถึงคนเป็นพ่อเป็นแม่ ที่มีลูกๆ ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เราแนะนำให้จูงมือกันไปดูนะ จะได้เข้าใจความรักอีกแบบหนึ่ง ความรักมีหลากหลายรูปแบบ เราเชื่อว่าแม้ปัจจุบันบอกว่าโลกเปิดกว้าง แต่จริงๆ แล้วคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ยังก้าวผ่านจุดนี้ไม่ได้หลายครอบครัว

// โพสต์นี้ถึงเพื่อนรักสมัยมัธยม อยากจะบอกมึงว่า เวลาเปลี่ยนไปมากมาย ภาระหน้าที่ต่างๆ ก็เพิ่มพูนมากขึ้น ชีวิตเราต่างก็ผกผันคนละทิศคนละทางทำให้เรา และเพื่อนไม่ได้เจอกัน แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อะไรจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน ความทรงจำดีๆ ระหว่างเรา ก็ยังคงอยู่เสมอนะมึง รู้ไว้นะว่า “เพื่อน… เอ๋ยฮาฮักมึงเน้อ เพราะมึงคือเพื่อนฮักของฮา” และตอนนี้จะบอกว่าหงอกฮาเต็มหัวแล้วเน้อ ฮาๆ

// โพสต์นี้ถึงคนที่เคยผ่านมาให้รู้จักคำว่า “รัก” อดีตมันลืมไม่ได้ แต่เราเรียนรู้ที่จะใช้มันเป็นเครื่องเตือนใจของเราได้เสมอว่า การจะมอบความรักให้กับคนๆ หนึ่ง ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ต้องใช้เวลาเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ต้องผ่านมาทั้งเสียงหัวเราะและร้องไห้ ต้องผ่านการยอมรับจากคนที่เราแคร์ที่สุดในชีวิตคือครอบครัวของเรา กว่าจะเรียนรู้ และไว้ใจกันและกัน มันไม่ใช่แค่วันสองวัน มันใช้เวลานานหลายปี แต่เมื่อวันหนึ่งเมื่อเจอเราต่างเจอการเปลี่ยนแปลง ที่ไม่สามารถจะกลับมาเรียนรู้ได้เหมือนเดิม ก็จงรู้ไว้ว่า ชีวิตเราต่างต้องดำเนินต่อไป ด้วยการใช้ข้อผิดพลาดในอดีตมาเป็นเครื่องเตือนใจ เพื่อก้าวเดินต่อไป และเติบโต อย่างไม่รู้สึกผิดกับอะไรอีก…. ขอบคุณที่ผ่านมาให้รู้จักคำว่า “รัก”

 

ท้ายนี้… อยากจะบอกว่า ความรัก คือสิ่งสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นรักในรูปแบบไหนก็ตาม

 

ขอให้พบรักที่ดีต่อใจกันทุกๆ คน

หนึ่ง
31 ตุลาคม 2562

ดิว ไปด้วยกันนะ

แด่… เรื่องราวในอดีต และคนในความทรงจำที่ยังอยู่ในใจตลอดมา

“บอกตัวเอง” มิวสิควิดีโอพิเศษประกอบภาพยนตร์ ดิว ไปด้วยกันนะ ศิลปิน : Room39 feat. โป่ง ปฐมพงศ์ (โป่ง หินเหล็กไฟ) เนื้อร้อง/ทำนอง : แว่นใหญ่

รู้ว่าไม่มีหวัง… ที่จะรั้งให้เธอกลับมา
แต่ส่วนลึกในใจไม่รู้ทำไม เธอยังอยู่ข้างในนั้น
แม้ว่าจบไปแล้วเนิ่นนานเท่าไร…
บอกตัวเองว่าเราต้องลืม เรื่องราวที่ผ่าน
แม้ความจริงทรมาน และไม่มีวันไหนไม่คิดถึงเธอ
บอกตัวเองต้องมีสักวัน รักคงจะเลือนไป
แม้ความจริงในหัวใจ… ยังไม่รู้ว่าจะลืมเธอได้อย่างไร
เหลือแค่เพียงความหลัง กับฝันที่พังทลาย
แต่ส่วนลึกในใจไม่รู้ทำไม เธอยังอยู่ในความคิด
แม้ไม่มีสิทธิ์จะคิดถึงเธอต่อไป..
บอกตัวเองว่าเราต้องลืม เรื่องราวที่ผ่าน
แม้ความจริงทรมาน และไม่มีวันไหนไม่คิดถึงเธอ
บอกตัวเองต้องมีสักวัน รักคงจะเลือนไป
แม้ความจริงในหัวใจ… ยังไม่รู้ว่าจะลืมเธอได้อย่างไร
ทุกคืน และวันที่ผ่าน แม้จะเนิ่นนานเท่าไหร่
เรื่องราวของเธอและฉัน.. ยังไม่มีวันที่มันจะลบเลือนหมดไป
บอกตัวเองว่าเราต้องลืม เรื่องราวที่ผ่าน… แม้ความจริงทรมาน…
บอกตัวเองว่าเราต้องลืม เรื่องราวที่ผ่าน
แม้ความจริงทรมาน และไม่มีวันไหนไม่คิดถึงเธอ
บอกตัวเองต้องมีสักวัน รักคงจะเลือนไป
แม้ความจริงในหัวใจ… ยังไม่รู้ว่าจะลืมเธอได้อย่างไร
แม้ความจริงทรมาน และไม่มีวันไหนไม่คิดถึงเธอ
บอกตัวเองต้องมีสักวัน รักคงจะเลือนไป
แม้ความจริงในหัวใจ… ยังไม่รู้ว่าจะลืมเธอได้อย่างไร
……………

** ขอบคุณภาพสวยๆ จาก CJ MAJOR ENTERTAINMENT

……………

เนื้อเรื่อง ดิว ไปด้วยกันนะ

ณ ปางน้อย ปี พ.ศ. 2539 ดิว (ภวัต จิตต์สว่างดี) ซึ่งเป็นเด็กใหม่กำลังเดินทางไปโรงเรียน ได้พบกับภพ (ศดานนท์ ดุรงคเวโรจน์) ที่ขี่จักรยานยนต์มา จึงได้อาสาไปส่งที่โรงเรียน แต่เมื่อฝนตกจึงทำให้รถล้มลงไปในคูข้างทาง มาถึงโรงเรียนจึงต้องเปลี่ยนชุด โดยดิวให้ยืมชุดพละของตน ส่วนดิวใส่ชุดเชียร์ลีดเดอร์ ที่หน้าเสาธง ครูประกาศเรื่องการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ จึงได้ให้นักเรียนที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยง มาลงทะเบียน

ดิวกับภพ เริ่มทำความรู้จักมากขึ้นหลังจากคลาสเต้นลีลาศ ที่ได้จับคู่เต้นกัน เวลาผ่านไปทั้งคู่เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น และชวนกันไปเชียงใหม่เพื่อเรียนพิเศษ โดยทั้งคู่อยู่ร่วมห้องกันที่เชียงใหม่ ที่โรงเรียนสอนพิเศษมีโครงการให้แปลเพลงไทยเป็นภาษาอังกฤษ โดยดิว แปลเพลง “ก่อน” ของวงโมเดิร์นด็อกเพื่อหวังเป็นผู้ชนะเลิศไปกระโดดบันจีจัมพ์ที่นิวซีแลนด์ จนวันหนึ่งภพสอนดิวขี่จักรยานยนต์ แต่ก็ได้ทะเลาะกัน ไล่ภพกลับ แต่ท้ายสุดภพก็กลับมากอดดิว จูบกันในตู้โทรศัพท์ขณะฝนตก ทั้งคู่กลับไปที่ห้องพัก ภาพที่เห็นคือทั้งคู่เปลือยในห้องน้ำ แต่พอออกจากห้องน้ำ เพื่อนร่วมห้องอีกคนก็เข้ามาเห็นพอดี

กลับมายังปางน้อย ภพเปลี่ยนไปเพราะกลัวมีใครรู้ ไม่ยอมคุยกับดิว แต่ดิวไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จึงทะเลาะกันจนดิวต่อยภพ จนเพื่อนเข้ามาห้ามภายหลัง ครูได้ทำการสอบสวนต่อหน้าผู้ปกครองของทั้งคู่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จนดิวเปิดเผยสถานะว่าตนเองเป็นเกย์ เรื่องนี้ทำให้รู้กันทั้งโรงเรียน ภพนัดดิวมาเจอเพื่อเอาจะขอบัตรนักเรียนไปรับการบำบัดแทน ทั้งคู่คุยกันว่าจะหนีออกจากปางน้อย แต่พ่อภพรู้ว่าภพไปค่ายบำบัดการเบี่ยงเบน มีปากเสียงจนภพหนีออกจากบ้าน และได้ส่งข้อความไปทางเพจเจอร์ให้หนีไปด้วยกัน ตอน 5 ทุ่มครึ่ง แต่แม่ดิวเข้ามาอ่านข้อความ แม่จึงเริ่มซักไซ้ ไม่อยากให้ดิวไปเพราะแม่อยู่คนเดียว ขณะที่กำลังคุยกันภพโทรเข้าบ้านดิว แต่ท้ายสุด ดิวตัดสินใจไม่ไป จะอยู่กับแม่ ภพบอกที่ภพทำทุกอย่างเพราะดิว จนต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ แต่ภพก็ทิ้งท้ายว่า ที่ทำทุกอย่างเพราะแค่สงสารดิวเท่านั้น

ณ ปางน้อยปี พ.ศ. 2562 ภพ (ศุกลวัฒน์ คณารศ) กลับมายังปางน้อยอีกครั้งพร้อมภรรยาที่ชื่อ อร (ญารินดา บุนนาค) ได้กลับมาสอนที่โรงเรียนเก่าของตัวเอง ภพได้รับคำสั่งให้ดูแลนักเรียนหญิงเกเรที่ชื่อ หลิว (ดริสา การพจน์) ที่ซ่องสุมกับเด็ก ม.6 ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นแฟนของหลิว ที่ชื่อ ท็อป (พันธุ์ธัช กันคำ) ซึ่งภพต้องคอยดูแลหลิวที่มักโดดเรียนอยู่เสมอ ก่อนที่ภพจะผ่านการประเมินบรรจุเป็นครู ภพต้องหากิจกรรมให้นักเรียนทำเป็นผลงาน ภพได้ชวนหลิวไปแข่งตอบปัญหาวิทยาศาสตร์ที่เชียงใหม่ ภพพูดคุยกับหลิวเรื่องที่ว่าเคยมาเชียงใหม่ตอนเด็ก แล้วภพก็ถามหลิวว่า เชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิดหรือไม่ ขณะที่ท็อป แฟนของหลิว เริ่มรู้สึกว่าทั้งคู่เริ่มมีความใกล้ชิดกันเกินไป ภพยังได้ช่วยแปลเพลง “ก่อน” ของวงโมเดิร์นด็อก เพื่อไม่ให้หลิวตกซ้ำชั้น

สำหรับใครที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ หนังไทยเรื่อง ดิว ไปด้วยกันนะ สามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ wikipedia.org

 

เว็บคุณหนึ่ง แนะนำหนังไทยน่าดูอีกเรื่อง แสงกระสือ Inhuman Kiss

 

 

Facebook Comments