9 แรก มนุษย์เงินเดือน 9 สอง มนุษย์..ไร้เงินเดือน

อีกไม่กี่วันจะหมดปี พ.ศ.2558 กันแล้ว ตลอดปีหลายคนก็เจอทั้งเรื่องดี และไม่ดีสลับกันไป ซึ่งทุกอย่าง ทุกสิ่ง ทุกเหตุการณ์ ก็คือ ทุกประสบการณ์ที่เราต่างได้เผชิญกันมาตลอดปี 2558 ยิ่งเราเจอมากก็ได้ประสบการณ์มาก เมื่อได้เรียนรู้จากสิ่งที่เผชิญ ก็จะช่วยให้เราเข้มแข็ง และเข้าใจโลกนี้เพิ่มมากขึ้น วันนี้แอดมินแนะนำกระทู้ๆ ในพันธ์ทิพย์ เกี่ยวกับประสบการณ์ของคนที่เคยทำงานเป็นลูกจ้างประจำ จนลาออกมาทำงานฟรีแลนซ์ หรืองานของตัวเอง จากประสบการณ์ 18 ปี กลั่นกรองออกมาเป็นแนวคิดในการทำงาน และการดำเนินชีวิต ให้กับคนทั่วไปได้อ่านกัน ลองอ่านกันดูนะค่ะ

http://pantip.com/topic/34438802

ขึ้นชื่อกระทู้ไว้ว่า “9 แรก มนุษย์เงินเดือน 9 สอง มนุษย์.. ไร้เงินเดือน”  9 ในที่นี้คือ 9 ปี แรก และ 9 ปี หลัง ของการทำงาน ในวันที่ 31 สิงหาคม 2558 เป็นวันที่ครบรอบของการลาออกจากงาน จึงอยากจะโพสต์ข้อคิดต่างๆ เผื่อจะได้เป็นข้อคิดให้กับทุกๆ คน

9-1

 

เริ่มจาก 9 แรก คือ 9 ปี แห่งการทำงานเป็นลูกจ้างให้กับคนอื่น
เราเลือกที่จะทำงานในจังหวัดบ้านเกิดเมืองนอน (ต่างจังหวัด) ด้วยเหตุผลง่ายที่สุดคือ “อยากอยู่กับพ่อและแม่” ถึงแม้เงินเดือนจะน้อย แต่ก็เลือก
——————————
ช่วงทำงานประจำ มนุษย์เงินเดือนตลอดเวลา 9 ปี
——————————
1. เริ่มเข้าทำงานประจำ ในปี 2540 และได้ลาออกจากงานในวันที่ 31 สิงหาคม 2549 เป็นระยะเวลา 9 ปี

2. ตำแหน่งที่ตั้งใจเข้าไปสมัครงานคือ โปรแกรมเมอร์ แต่ได้ข้อเสนอให้ไป “ขายคอมพิวเตอร์”

3. ความรู้เป็น 0 ในวันที่ตกลงรับปากเจ้าของบริษัทฯ ว่าจะทำงานที่เขาเสนอให้ วันนั้นเรายังไม่รู้ว่า จะขายยังไง คอมฯ ประกอบด้วยอะไรบ้าง มันต้องทำยังไง เอาจากไหนมาขาย ขายแล้วยังไงต่อ ฯลฯ

4. ไม่ชอบงานขาย ไม่ชอบงานบริการ แต่ต้องได้ทำหมด ทั้งงานขายและบริการ

5. เงินเดือนครั้งแรก ได้ 2,xxx บาท เพราะเริ่มงานเกือบปลายเดือน

6. เงินเดือน ป.ตรี ได้ 6,500 บาท ค่อยเขยิบขึ้นตามจำนวนปีที่ทำงาน เงินเดือนสุดท้ายเดาได้ไม่ยาก เพราะมันไม่ได้มากมายตามที่ใครต่อหลายคนคิด (เพื่อนๆ คิดว่าได้เงินเดือนเยอะมาก)

7. คอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่ขายได้ ยี่ห้อ Powell และเราไม่ได้เป็นคนขาย เป็นพี่ที่เป็นโปรแกรมเมอร์มาขายให้ เพราะวันนั้นเราหยุด ตั้งแต่วันซื้อไปจนกระทั่งเราออกจากงาน ลูกค้ารายนี้ไม่เคยยกคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นเข้ามาให้ตรวจเช็คเลย เหมือนจะฤกษ์ดียังไม่รู้ สำหรับลูกค้ารายแรก

8. ทำงานอย่างกะเงินเดือนเป็นแสน แสนเหมือนกัน แต่เป็นแสนสาหัส!

9. ทำงานคนเดียว 3-4 เดือน ถึงจะมีคนมาช่วยงานเพิ่มอีก 1 คน โดยคนมาช่วยไม่มีความรู้คอมฯ มาก่อน ก็พากันถูๆ ไถๆ จนขยายแผนกมีทีมงานเพิ่มขึ้น

10. อาสาเป็น Webmaster ทำเว็บไซต์บริษัทฯ โดยไม่รับเงินเดือนในตำแหน่งนี้ เพราะเป็นเรื่องใหม่ อยากจะทำ อยากจะศึกษา เลยเสนอหน้าไปขอทำ เพียงเพื่อตัวเองจะได้มีโอกาสได้เรียนรู้ในเรื่องการทำเว็บ ได้ทำความรู้จัก “internet” เพราะตอนเรียน internet ยังไม่มี เว็บไซต์ก็ไม่ต้องพูดถึง ไม่มีหรอก มีแต่เขียนโปรแกรมบนหน้าจอ โค้ดภาษาเฉพาะ เปิดหน้าจอที คนอื่นนึกว่าเก่งภาษาอังกฤษ ไม่เลยจ๊ะ มันเป็นภาษาคอมฯ ต่างหาก เก่งภาษาคอมฯ แต่ไม่เก่งภาษาอังกฤษ OK นะ

11. ทำงาน 4 ปี ขอทางบริษัท ไปเรียนต่อ บริษัทฯ อนุญาตให้หยุดเพิ่มได้อีก 1 วัน ได้หยุดเสาร์-อาทิตย์ เพื่อเรียนต่อ (ปกติทำงาน 6 วัน ได้หยุดแค่ 1 วัน) ถือว่าได้สิทธิพิเศษมากในการได้หยุดไปเรียนต่อ

12. ไปเรียนต่อ ใช้เงินตัวเอง ไม่ได้ใช้เงินเงินจากบริษัทฯ

13. ความตั้งใจ เรียนต่อ 2 ปี เมื่อเรียนจบ จะทำงานต่ออีก 2 ปี แล้วจะลาออก เพราะไม่อยากทำงานถึง 10 ปี และก็ทำตามความตั้งใจไว้ได้

14. จากคนที่เป็นคนมั่นใจในตัวเองสูง มีช่วงหนึ่ง กลายเป็นคนไม่มีความมั่นใจ สูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง เสียสูญก็ว่าได้

15. เจอโรคเครียดโดยไม่รู้ตัว กินข้าวไม่ได้ 2 เดือนกว่า สิ่งที่กินได้คือ กล้วยน้ำว้า กะกล้วยไข่ ทำให้หุ่นผอมเพียว ราวนางแบบในดงหญ้า

16. ตัดสินใจลาออก ไม่ใช่เรื่องง่าย มีทั้งความสับสน ความกังวล และเรื่องสำคัญคือ ออกแล้วไม่รู้จะไปทำอะไร นี่คือปัญหาใหญ่ ที่ทำให้ตัดสินใจได้อย่างลำบาก

17. ช่วงก่อนเราตัดสินใจลาออก ราวๆ เดือน พฤษภาคม 2549 เราประสบอุบัติเหตุ เป็นลมหน้ามืด หน้าฟาดกับพื้นในบ้านตัวเอง ฟันหน้าหัก 3 ซี่! ต้องเข้าออก รพ. เป็นว่าเล่น รักษารากฟัน, ตัดเหงือก, ต่อฟัน, ครอบฟัน เป็นช่วงที่ทรมานที่สุดเลยก็ว่าได้ ทั้งเครียดเรื่องที่ยังไม่รู้ว่าลาออกแล้วจะไปทำอะไร ไม่มีเงินเดือน ไม่มีรายได้แล้วจะทำยังไง ความคิดวนอยู่ในหัวอยู่นั่นแหละ

18. จุดเปลี่ยนชีวิต มาง่ายๆ แบบไม่ทันตั้งตัว จากที่ครุ่นคิด เรื่องลาออกเป็นแรมเดือน หาบทสรุปให้ตัวเองไม่ได้ จู่ๆ วันหนึ่งเจอข้อความๆ หนึ่งจากผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน หลังจากอ่านข้อความนั้นแล้ว จู่ๆ ความกังวลต่างๆ หายไป และรู้สึกได้ว่าสมองโล่งมาก และตัดสินใจยื่นใบลาออกทันที หลังจากความกังวลต่างๆ หายไป

19. หลายคนคิดว่าเราโดนบีบออก ขอบอกว่า ไม่ใช่นะ เราออกเพราะว่ามันคือ ความตั้งใจแต่แรกที่จะทำงานแค่ 9 ปี มันบังเอิญพอดีที่บริษัท เปลี่ยนนโยบาย พนักงานทยอยออกกัน และเราก็ลาออกช่วงใกล้พีคพอดี

20. ลูกค้า และตัวแทนบริษัทต่างๆ ที่เคยติดต่องานกัน กลายมาเป็นเพื่อน เป็นรู้จักกัน จวบจนปัจจุบัน แต่ไม่ยักกะเป็นแฟน ฮาๆ

21. หลายคนคิดว่าเราเก่งคอมพิวเตอร์ ไม่เลย เรามั่วเก่งต่างหาก

22. ลูกค้าที่มาต่อรองเรื่องราคากับพนักงานขาย มักจะเรียกพบหัวหน้าหรือผู้จัดการเพื่อขอสิทธิ์พิเศษ ส่วนลดต่างๆ ขอบอกว่า ใครเรียกเราพบ ต้องซื้อกลับเกือบทุกราย และไม่ได้ลดซักแดงเดียวจ๊ะ ฮาๆ

23. การที่เราได้เจอลูกค้าหลากหลายประเภท ทำให้เข้าใจถึงหัวอกพนักงานขายและบริการ

9-2

——————————-
25 ข้อคิดที่ได้จากงานประจำ มนุษย์เงินเดือนตลอดเวลา 9 ปี
——————————-
1. ทุ่มเทงาน หากคิดถึงแค่ ยอดรายได้ เราจะไม่มีทางพัฒนาตัวเองได้ สิ่งทุ่มเทไปก็แค่ ทุ่มกายไปเฉยๆ

2. ทุ่มเทงาน หากคิดที่จะพัฒนาตัวเอง โดยไม่คิดเรื่อง ยอดรายได้ จะทำให้เราพัฒนาตัวเองได้อย่างไม่มีขีดจำกัด ไม่มีขอบเขต หรือกรอบในเรื่องต่างๆ สิ่งทุ่มเทไปก็คือ ทั้งกายและใจ ผลลัพธ์คือ มันสมองของเราที่ได้อาหารเลิศรส โดยไม่รู้สึกตัว และมันจะติดตัวเราไปอย่างถาวร

3. การอาสาทำงานตำแหน่งต่างๆ โดยไม่รับเงินเดือน ฟังดูมันบ้าชะมัด! ถึงจะดูบ้า แต่หากกล้าที่จะทำแล้ว สิ่งที่ได้รับมันคุ้มมากกว่าค่าเงินที่เอามาเปรียบเทียบกัน

4. ทำอะไรหากไม่มีเป้าหมาย ก็เหมือนคนหลักลอย ที่คอยใช้ชีวิตผ่านไปวันๆ

5. ทุ่มเทงาน มากไปจนไม่ใส่ใจสุขภาพตัวเอง คือ การกระทำที่แย่มาก นั่นคือ สิ่งที่เราแย่มาก่อน โดยเฉพาะความเครียดที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว

6. สนับสนุนประโยคที่เขาบอกต่อๆ กันมาว่า “หากวันนี้ไม่มีคุณทำงาน บริษัทฯ เขาก็จ้างคนอื่นมาแทนได้”

7. ทำงานจนเครียด จนป่วย คนที่ดูแลไม่ใช่คนจ่ายเงินเดือนให้

8. อยู่กับคนมาก ก็มากความ

9. พนักงานขาย หรือพนักงานบริการ ก็คือ คนเหมือนกับพวกคุณ

10. สินค้าแบบเดียวกัน ราคาเหมือนกัน บางคนขับรถหรูแต่งตัวเนี๊ยบ ซื้อเงินเชื่อ บางคนนั่งรถโดยสารมาแต่งตัวเซอร์ๆ ซื้อเงินสด ฉะนั้น อย่าตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก

11. สิ้นเดือน เหมือนสิ้นใจ มันเป็นแบบนั้นจริงๆ

12. ภาษีสังคมสูงมาก

13. คนที่ปากหวาน ก้นเปรี้ยว มีอยู่ทุกแห่ง

14. จุดเปลี่ยนชีวิต จะมีเวลาของมัน

15. ประโยค 1 ประโยค คำ 1 คำ อาจจะเปลี่ยนชีวิตคุณได้ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

16. รู้หน้าที่ และความรับผิดชอบ คือ คุณสมบัติที่ต้องติดตัวในทุกอาชีพ

17. ฝึกคิดให้มากกว่าคนอื่น 1 สเต็ป

18. เรื่องลับ ลวง พราง ต่างๆ หลีกได้ ควรหลีก เพราะมันคือตัวบั่นทอนสุขภาพจิตของเราเอง

19. สนใจเรื่องไหน ต้องรู้จักต่อยอดเรื่องนั้นๆ

20. อาการน้อยใจ เกิดจากการกระทำเกินร้อยด้วยความจริงใจ

21. อาการโกรธ เกิดจากการกระทำที่ไม่ได้ดั่งใจ

22. ความจริงใจ คือ เครื่องมือชั้นเยี่ยมที่จะทำให้เราชนะอุปสรรคต่างๆ ไปได้ด้วยดี

23. สิ่งที่อยากจะทำ อาจจะไม่มีวันได้ทำ หากมีเพียงแค่คำว่า “อยากจะ”

24. เวลาและประสบการณ์ หาซื้อไม่ได้ ต้องลงมือทำด้วยตัวเอง

25. การแต่งกายที่ขัดกับบุคลิก ทำให้ประสิทธิภาพทำงานลดลง

9-3

 

——————–
มาต่อตอน “9 สอง มนุษย์..ไร้เงินเดือน” ช่วงทำงานให้กับตัวเอง ตลอดเวลา 9 ปี
——————–
1. ช่วงออกงานใหม่ๆ ตื่นเช้ามายัง งุนงง และสับสนอยู่ว่า จะต้องออกไปทำงาน เป็นแบบนี้ได้ระยะหนึ่ง

2. ช่วงออกงานใหม่ๆ ฝันว่าอยู่ในที่ทำงานเก่า เป็นไปได้ระยะหนึ่ง

3. 2 ปีแรก ยังไม่หลุดกรอบจากแนวงานเดิม ต่างจากเดิมเพียงแค่ใช้เงินตัวเองลงทุน

4. นั่งทำงานอยู่กับบ้าน ระยะแรก ยังปรับตัว ปรับเวลา กับที่บ้านไม่ได้ ใช้เวลาเกือบ 3 ปี ในการปรับตัว ปรับเวลา แบ่งเวลางานทั้งหมดที่ต้องทำ

5. ความรู้เป็น 0 กับเรื่องที่สนใจ เพราะมีความเชื่อในสิ่งนั้น จึงทำให้ลาออก ด้วยความเชื่อมั่นบนฐานความรู้เป็น 0

6. ในช่วง 1-4 ปีแรก ทุ่มเวลาในการศึกษาเรื่องที่สนใจอย่างมาก เดินทางไปกรุงเทพฯ เป็นว่าเล่น ลงทุนค่าเรียน ค่าสัมมนาต่างๆ เยอะมาก รวมๆ แล้วเยอะกว่าตอนเรียนต่อโท ซะอีก ปลอบใจตัวเองด้วยคำว่า “การศึกษาคือการลงทุน”

7. ปัจจุบัน ยังคงสนใจเรื่องใหม่ๆ และเป็นเรื่องที่ต่อยอดจากสิ่งที่ทำ ก็ยังคงเดินทางไปกรุงเทพฯ บ่อยๆ ไปหาความรู้เพิ่มเติม เพิ่มอาหารสมองต่างๆ นานา ตามความอยากของตัวเอง

8. ปรับลดความสำคัญของงานบางอย่างลง และให้ความสำคัญงานบางอย่างมากขึ้น

9. ความผิดพลาดในการลงทุน ก็ย่อมมี เป็นเรื่องธรรมดา ของคนชอบเสี่ยง และบ้าๆ อย่างเรา

10. อยู่กับสิ่งที่ชอบ ทำในสิ่งที่รัก จนกลายเป็น ความถนัด โดยไม่ทันรู้ตัว

11. เปลี่ยนตัวเองเป็นคนไร้เงินเดือน สิ่งที่ได้คือ การฝึกความเข้มแข็งของจิตใจ และความอดทน

12. บางเดือน และหลายๆ เดือน ไม่มีรายได้ ก็ต้องมีความเข้มแข็งในจิตใจ และความอดทน พัฒนาตนให้ทำให้ได้ และท่องคำว่า “ต้องทำได้” อยู่ทุกวัน

13. รู้จักเข้าหาธรรมะ เพื่อฝึกสร้างสมาธิ และให้มีสติ ในปัจจุบัน สำคัญมาก กับสิ่งนี้ หากไม่มีคงสติแตกไปตั้งแต่แรกเริ่ม

14. ช่วงที่ทดลองทำเรื่องใหม่ๆ ด้วยความตื่นเต้น และอยากให้คนอื่นตื่นเต้นไปกับเรา พอเล่าเรื่องงานที่ทำบางส่วนให้พวกเขาฟัง กลายเป็นตัวตลก ซะนี่กระไร จึงบอกตัวเองว่า “อย่าเล่างานที่เราทำให้ใครฟังอีก”

15. การทำงานให้กับตัวเอง สิ่งสำคัญที่สุดคือ การชนะใจตัวเอง และกำลังใจให้กับตัวเอง ต้องไม่ท้อ ไม่ถอย และไม่โอนเอนไปตามคำพูดของคนอื่น

9-4

 

———————–
15 ข้อคิดที่ได้จากงานอิสระของตัวเอง ตลอดเวลา 9 ปี
————————
1. ก่อนจะคุยกับใคร ต้องดูทัศนคติ แนวคิด ของคนๆ นั้นให้ดี จะได้ไม่เสียเวลาทั้งสองฝ่าย

2. ความชอบคนเราไม่เหมือนกัน และความฝันของคนเราก็ไม่เหมือนกันด้วย

3. อยู่กับสิ่งที่ชอบ ทำในสิ่งที่รัก จนกลายเป็น ความถนัด โดยไม่ทันรู้ตัว

4. รู้จักหน้าที่ และความรับผิดชอบ คือ หัวใจสำคัญของการทำงานในทุกอาชีพ

5. ธรรมะ หรือคำคมต่างๆ ช่วยเตือนสติ ได้เป็นอย่างดี

6. ความจริงใจ คือ สิ่งสำคัญที่ทำให้โลกนี้สวยงาม

7. กรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศเรา ปฎิเสธไม่ได้ว่าเป็นแหล่งความรู้มากมาย อยู่ที่ใครจะไขว่คว้าความรู้นั้นมาไว้กับตัว

8. อย่าคิดไปถามใคร หากไม่เริ่มศึกษาเบื้องต้นก่อน

9. รู้จักตั้งโจทย์ ให้กับตัวเองบ่อยๆ

10. เวลา เป็นสิ่งสำคัญ ต้องแบ่งเวลา และทำอะไรให้เป็นเวลา อย่างสม่ำเสมอ สิ่งที่ได้คือ ความมีวินัยในตัวเอง

11. หากเราอยากทำอะไรแล้ว และมั่นใจ ก็ลงมือทำเลย ไม่ต้องบอกใคร

12. ความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ คือ เครื่องยืนยันความเป็นไปได้

13. ความล้มเหลว มาคู่กับความคาดหวัง และตรงข้ามกับคำว่า สำเร็จ

14. อย่าทำตัวเป็นน้ำล้นแก้ว เพราะหากคุณทำตัวเป็นน้ำล้นแก้ว คุณจะไม่มีโอกาสได้พบสิ่งดีๆ ในชีวิตแน่นอน

15. อย่าดูถูกอาชีพคนอื่น และอย่าดูถูกอาชีพตนเอง

 

Facebook Comments