ละครกลิ่นกาสะลอง ช่อง 3 ที่ดูไปบ่นไป แต่ก็ดูจนจบ

กลิ่นกาสะลอง

ละครกลิ่นกาสะลอง

ละครที่คนดูส่วนใหญ่ดูไปบ่นไป ดูไปอึดอัดไป แต่ก็ดูกันทุกตอนจนจบ ละครครบทุกรสชาติเลยทีเดียว คนดูต้องพกยาดมติดตัวไว้ตลอดว่างั้นเหอะ ดูแล้วบ่น ดูแล้วอึดอัด เพราะเนื้อเรื่องโดยรวมหนักไปทางที่โหดร้ายที่ได้รับจากคนในครอบครัวเดียวกัน ซึ่งสวนทางความรู้สึกคนไทยเช่นเราๆ เพราะครอบครัวคนไทยส่วนใหญ่แม้บางครอบครัวจะมีความรักบ้าง ไม่รักบ้าง รักมาก รักน้อย มีอบอุ่นบ้าง ไม่อบอุ่นบ้าง แต่ก็ไม่มีครอบครัวไหนจะทำร้ายกันได้ขนาดในละคร แต่ก็หนะก็เพราะมัน คือ ละคร

คนดูก็พากันเข้าถึงละครกันถ้วนหน้า แสดงว่า ละครประสบความสำเร็จอย่างมากมาย ไม่ต้องเอาตัวเลขใดๆ มาวัด แค่ตัวเราเปิดดูแล้วเรามีอารมณ์ร่วมไปกับละคร ก็นับว่า คือ ความสำเร็จของทีมงานที่ทำละครนี้มาให้พวกเราได้ชมกัน

โดยรวมละครดี ตอนท้ายก็มีให้เราเห็นว่า กรรมของแต่ละคนที่ทำไว้ ก็จะได้รับผลกรรมอย่างไร ทุกคนล้วนมีกรรม แต่ต่างกันตรงที่กรรมดี กับกรรมชั่ว ผลก็จะออกมาแตกต่างกัน และหากยึดติดอะไรมากเกินไป ก็จะทำให้เจอวิบากกรรมที่ไม่มีวันสิ้นสุด

ตามที่ผู้กำกับ คือคุณพี่สันต์ ได้บอกไว้ว่าละครเรื่องนี้ให้ดูอะไร พี่เขาบอกว่าให้ดู “ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์” ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง ที่เราเองเลือกดูละครเครียดๆ แบบนี้ ก็เพราะอยากดูการแสดงของน้องญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ ว่าแสดงออกมาเป็นยังไงบ้าง โดยเฉพาะการพูดภาษาเหนือ อย่างที่เคยบอกไว้เราเองก็เป็นคนเหนือ 100% ฉะนั้นก็จะชอบคนอู้กำเมืองตวยกั๋นเนาะ

ตลอดทั้ง 15 ตอนที่ได้ดูละคร บอกได้เลยว่า คำด่าต่างๆ นาๆ ที่ซ้องปีบพูดออกมานั้น บางคำไม่ได้ยินมานานแล้ว หากเป็นคนเหนือด้วยกัน แล้วด่ากันด้วยคำเหนือแบบในละคร รับรองต้องมีการวางมวยใส่กันแน่นอน บางทีคิดนะว่าโห! คำด่าแบบนี้ให้ออกอากาศได้ยังไง แต่หากไม่ใช่คนเหนือฟังก็จะไม่รู้สึกว่าด่ารุนแรง แต่หากเป็นคนเข้าใจภาษาเหนือ อู้เหนือได้ ก็จะรู้สึกว่าเป็นคำด่าที่รุนแรง ไม่โอเคนะตั๋ว (ตั๋ว แปลว่า เธอ) การพูดภาษาเหนือของน้องญาญ่า ให้คะแนนดีเลิศ Very good เลยเน้อเจ้า

และช่วงที่สะเทือนใจที่สุดของละคร คือ ตอนที่กาสะลองเก็บกระดูกแม่ และท้ายสุดก็เอากระดูกแม่ไปไม่ได้ ดูแล้วมันสะเทือนใจเป็นที่สุด น้ำตาไหลตามกาสะลองไปเลยทีเดียว ขอถอนหายใจสามเฮือก เฮ้อ!

ละครกลิ่นกาสะลอง

วกกลับมาคุยหัวใจของเรื่องกลิ่นกาสะลองกัน หัวใจในที่นี้ ยกให้เป็น น้องญาญ่า ที่เป็นตัวหลักของละคร ที่แสดงฝีไม้ลายมือให้พวกเราได้ชมกัน สมกับที่ผู้กำกับได้บอกไว้จริงๆ ว่า ให้ดูน้องญาญ่า ดูแล้วไม่ผิดหวัง ที่นั่งทนดูละครแบบหดหู่ แน่นหน้าอก ตึงเครียดแบบอยากหยุดหายใจ บางทีอยากปิดหน้าจอหนีด้วยซ้ำ แต่ก็ยอมดู เพราะอยากดูน้องญาญ่า นี่แหละ บอกได้เลยว่ากลิ่นกาสะลอง หากไม่ใช่น้องญาญ่า คงไม่มีใครดู! เราเองก็ไม่ดูแน่นอน

น้องญาญ่า แสดงให้พวกเราเห็นแล้วว่าน้องพัฒนาฝีมือการแสดงขึ้นไปอีกหลายระดับ หลากหลายบุคลิก หลากหลายการถ่ายทอดอารมณ์ น้องเอาอยู่ทุกตัวละคร น้องสะกดคนดู น้องทำให้คนดูรัก และเกลียด ในตัวละครไปพร้อมๆ กัน มัน คือ สุดยอดของการแสดงจริงๆ ใช่เราไม่ปฎิเสธว่าการใช้แสง สี และเสียง มาเป็นตัวช่วยขับเคลื่อน มาเป็นตัวช่วยวาดสีสันในละคร แต่นั่นแค่ส่วนประกอบ หากนักแสดงไม่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ แสดงออกทางสีหน้าท่าทาง และดวงตาได้ แสง สี เสียง ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เวทีไหนจะให้รางวัลอะไรก็ให้เลย แน่ๆ ตอนนี้ไม่ต้องรอรางวัล ถ้วย โล่ห์อะไร น้องญาญ่าก็ ได้ “หัวใจ” ของคนที่ติดตามผลงานของน้องไปแบบเต็มๆ ทั้งใจดวงเก่าและใจดวงใหม่ที่มอบให้น้อง สมกับที่น้องฝากผลงานให้พวกเราได้ชื่นชมกันไม่ว่าจะเป็นกาสะลอง ซ้องปีบ พริมพี่ พริมพี่ตอนแก่ และพิมมาดา พี่คนหนึ่งละขอให้ใจ และส่งกำลังใจให้น้องกับผลงานต่อๆ ไปเน้อเจ้า ขอแบบเบาๆ ดูแล้วอมยิ้มไปด้วยจะดีมาก ไม่เอาแบบดูไปน้ำตาไหลไปแล้วนะ พวกพี่แก่แล้วดูไปแล้วมันอิด (ดูไปแล้วมันเหนื่อย) ฮาๆ

ญาญ่า อุรัสยา

 

นอกจากน้องญาญ่าแล้ว ก็ยังมีน้องเจมส์ มาร์ หมอทรัพย์ของกาสะลอง และนักแสดงท่านอื่นๆ ที่ได้แสดงฝีไม้ลายมือให้พวกเราได้ชมกัน ทุกคนแสดงได้ดีเยี่ยมกันทุกๆ คน เข้าถึงตัวละครกันได้สุดๆ และก็สามารถทำให้คนเกลียดได้สุดๆ ก็คงหนีไม่พ้นบท “นายแคว้นมั่ง” ผู้ใจร้าย ที่แสดงโดยคุณปุ๊ มนตรี เจนอักษร ดารารุ่นเก๋า มีฝีมือขั้นเทพ ที่เราเห็นผลงานการแสดงมาอย่างเนิ่นนาน ตามมาด้วย “แม่ทองใบ” แม่ผู้รักลูกทั้งสองคน แต่ไม่บอกให้อีกคนรู้ ที่แสดงโดยคุณต่าย เพ็ญพักตร์ ศิริกุล ก็แสดงออกมาให้น้ำตาไหลตามได้ และไม่ว่าจะเป็นบท มั่นฟ้า เหมย และบัวเกี๋ยง ก็ทำให้เราได้เห็นถึงฝีมือการแสดงที่ส่งต่อกันได้แบบไม่มีสะดุด หวังว่าจะได้เห็นเรื่องใหม่ๆ บนหน้าจอทีวีกันอีกเนาะ

กลิ่นกาสะลอง

และขอชื่นชมทีมงานทุกๆ คน เห็นเบื้องหลังแล้ว การทำละครไม่ได้ง่าย ทุกอย่างต้องทำเป็นทีม ทีมเวิร์คดีทุกอย่างก็จะออกมาดี ดั่งเช่น ละครกลิ่นกาสะลอง ขอบคุณทีมงานผู้สร้าง และผู้จัดทำทุกๆ คน ที่เนรมิตละครแม้จะเนื้อหาโหดร้ายไป แต่ก็เป็นการสร้างอีกมิติของการทำละคร หวังว่าจะมีมิติที่น่าพิศวง ชวนติดตามในเรื่องใหม่ๆ ที่จะมีในอนาคตอันใกล้นี้ให้พวกเราได้รับชมกันเน้อเจ้า (แต่ขอ เอาแบบเบาๆ ไม่หนักเหมือนละครนี้เน้อเจ้า เอ็นดูทั้งนักแสดง และคนดูตวยเน้อเจ้า!)

ดูกลิ่นกาสะลองแล้วได้อะไร ได้หลายเรื่องทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น

  • หากเป็นเนื้อหาในละคร ก็ได้เรื่องของความรักในครอบครัว ต้องแสดงออกให้เห็นว่ารักกัน ไม่ประชดประชันกัน และยอมรับซึ่งกันและกัน ให้อภัยกัน ยังไงก็เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน
  • หากเป็นเนื้อหาในละคร ก็ได้เรื่องของความรักกับคนนอกครอบครัว หากรักแล้วเขาไม่รักตอบ ก็ยอมรับและถอย เพื่อตัวของเราเองจะได้ไม่ต้องทุกข์เพราะรัก และหันกลับมารักตัวเองจะได้สุขมากกว่าทุกข์
  • หากเป็นการแสดง ก็ได้เรื่องของการพัฒนาตัวเอง ไม่ปิดกั้นที่จะเรียนรู้ กล้าที่จะรับอะไรใหม่ๆ เข้ามา
  • หากเป็นการทำงาน ทุกอย่างต้องทำเป็นทีม คำว่า ทีมเวิร์คสำคัญเสมอ ไม่มีใครจะทำอะไรได้คนเดียว ทุกคนต้องมีทีมเป็นของตัวเอง

 

พิมพ์มาซะยาวยืด ก็แค่อยากบันทึกสิ่งที่ได้เห็น ได้รู้สึก และคิดจากการดูละคร ที่ไม่ใช่แค่ดูเพื่อการบันเทิง ไม่ใช่ดูเพื่อฆ่าเวลา แต่ดูเพราะมองหา Inspiration จากคนที่เราติดตามผลงานต่างๆ หาก ^-^

 

YAYA You’re my inspiration

 

ขอบคุณนักแสดงทุกๆ ท่านที่แสดงให้พวกเราได้รับชมกัน

ขอบคุณช่อง 3 ขอบคุณนายทุนผู้สร้างละคร

ขอบคุณผู้จัดและทีมงานทุกๆ คน ที่สร้างสรรค์ละครกลิ่นกาสะลอง

ขอบคุณรูปภาพจาก noproblemfg และคุณ anyama

 

หนึ่ง

30 กรกฎาคม 2562

 

ขอเสริมคำเหนือให้ผู้อ่านได้รู้จักซักคำสองคำ เช่น พูดคำว่า “ของเปิ้น ของตั๋ว” ก็จะแปลว่า “ของฉัน ของเธอ”

เปิ้น อาจจะหมายถึง ฉัน/ตัวฉัน เช่น รถเครื่องกันนี้ของเปิ้น ก็จะหมายถึง รถมอเตอร์ไซต์คันนี้ของฉัน

หรือคำว่า เปิ้น บางความหมายก็จะหมายถึง คนนั้น คนโน้น เช่น รถยนต์กันนี้ของเปิ้นคนปู้น หรือรถยนต์กันนี้ของเปิ้นปู้น ก็จะหมายถึง รถยนต์คันนี้ของเขาคนโน้น/คนนั้น

สำหรับคำว่า เปิ้น ที่ใช้แทนตัวเอง บางคนก็จะไม่ใช้ ก็แล้วแต่คน หรือแล้วแต่ว่าจะใช้กับใคร ไม่จำเป็นว่าต้องใช้คำว่าเปิ้นทุกคน

 

เรื่องย่อ กลิ่นกาสะลอง

เมื่อปี พ.ศ. 2467 หมอหนุ่มเชื้อสายจีนอย่าง ทรัพย์ เขาเรียนวิชาการแพทย์สมัยใหม่ และได้มาประจำอยู่ที่โรงพยาบาลมิชชันนารี ที่มณฑลพายับ “เชียงใหม่” ทรัพย์ได้ตกหลุมรักสาวเมืองเหนือคนหนึ่งชื่อ กาสะลอง เธอเป็นคนที่งดงาม และเพียบพร้อมเป็นอย่างกุลสตรีที่ได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี แต่ด้วยความที่ทรัพย์ไม่รู้ว่ากาสะลองมีฝาแฝดอีกคนชื่อ ซ้องปีบ ซึ่งมีนิสัยที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว จึงทำให้เรื่องโศกนาฏกรรมแห่งความรักเกิดขึ้น

เมื่อซ้องปีบนั้น ต้องการที่จะแย่งความรักไปครั้งนี้ไปจากกาสะลอง เธอทำทุกอย่างที่จะเอาชนะหัวใจของหมอทรัพย์ ซึ่งบิดาของกาสะลอง และ ซ้องปีบอย่าง นายแคว้นมั่ง เกลียดคนต่างเชื้อชาติ ศาสนา ทำให้เป็นอุปสรรคในความรักของกาสะลองและซ้องปีบความรักครั้งนี้จึงไม่สมหวัง

ทั้งคู่พยายามที่จะวางแผนหนีไปบางกอกด้วยกันหลายๆ ครั้ง แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้ง จนได้พยายามที่จะหนีเป็นครั้งสุดท้ายจึงหนีไปได้สำเร็จแต่ก็โดนสืบตามจนพบ ซ้องปีบได้สวมรอยเป็นกาสะลองเพื่อใช้ชีวิตอยู่กับหมอทรัพย์ ส่วนกาสะลองนั้น เธอถูกขังไว้ที่ยุ้งฉางจนสิ้นลมจากโลกไปอย่างน่าสงสาร

เมื่อหมอทรัพย์และซ้องปีบได้เกิดมาในชาติภพใหม่ ทั้งคู่เป็นคู่รักกันอีกครั้งคือ ทินกฤต และ พิมพ์พิศา ทั้งคู่ตั้งใจที่จะแต่งงานกันแต่ก็ไม่ลงเอยกันสักที ทินกฤตรู้สึกได้ว่าตนเองยังเฝ้ารอใครสักคน และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้วิญญาณของกาสะลองที่เฝ้ารอคนรักของตน ได้ทำให้ทุกคนได้รู้เรื่องราวในอดีตโดยเรื่องราวทั้งหมด พิมพ์พิศา เป็นสื่อกลางในการเผยอดีตว่าเป็นอย่างไร ทำให้ทินกฤตไม่ต้องการที่จะแต่งงานกับใครตลอดชีวิต เรื่องราวความรักของทั้งคู่จะเป็นอย่างไร ดูย้อนหลังได้ที่ Youtube ช่อง 3

ประวัติของนักแสดงนำ ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ (Urassaya Sperbund)

 

Facebook Comments