โรคกล้ามเนื้อบิดเกร็ง

กล้ามเนื้อคอบิดเกร็ง

เพื่อนๆ เคยได้ยินโรคกล้ามเนื้อบิดเกร็ง กันบ้างไหม ระยะหลังๆ จะได้ยินเกี่ยวกับโรคกล้ามเนื้อเกร็งนี้บ่อยมาก เหตุที่หนึ่งได้ยินบ่อยๆ ก็เพราะว่า แม่ของหนึ่งเป็นโรคกล้ามเนื้อคอบิดเกร็ง อาการของแม่คือ คอจะบิดไปทางขวาโดยไม่รู้ตัว จำได้ว่าครั้งแรกที่สังเกตเห็นว่าคอแม่หันไปทางขวา ก็ตอนที่เราได้ถ่ายรูปรับปริญญาและได้ถ่ายรูปพร้อมกัน เมื่อประมาณ 4-5 ปีก่อน  เห็นรูปแม่หันคอไปทางขวามาก หลังจากนั้นก็สังเกตอาการ เวลานั่งคุยกัน หรือแม่นั่งคนเดียว (เราแอบดู) คอแม่จะไม่อยู่นิ่ง มันหันไปหันมา และก็เงยหัวไปทางขวา จะเม้มปากตลอดเวลา ก็เลย มานั่งคิดแม่เป็นอะไร ใช่พาร์คินสันหรือเปล่า จู่ๆ ก็เป็นขึ้นมา ก่อนหน้านี้ ก่อนที่แม่จะเป็น แม่ได้เข้ารับการผัดตัดหัวใจที่ โรงพยาบลมหาราช เชียงใหม่ และหลังจากผ่าตัดก็ไปพบหมอตามนัดตลอด หลังจากเราสังเกตอาการ และเห็นพร้อมกันว่าผิดปกติ พอดีช่วงที่เราคิดว่าผิดปกติ แม่จะต้องไปพบหมอหัวใจตามนัดพอดี  เราจึงแจ้งหมอว่าแม่มีอาการผิดปกติตรงคอ หมอเลยส่งให้ตรวจร่างกาย และแม่ก็ได้รับการส่งตัวเข้าไปยัง “ศูนย์โรคสมองภาคเหนือ” ได้รับการรักษาด้วยการฉีดโบทอกซ์ ตรงข้างคอทั้งซ้ายและขวา บางครั้งจะฉีด 4 เข็มบ้าง 8 เข็มบ้าง แม่บอกว่าเจ็บมากๆ (คิดดูละกันว่า เข็ม แทงตรงด้านข้างคอ เนื้อบางๆ ของเรา จะเจ็บแค่ไหน) (ขอบอกว่า ค่ารักษาโรคนี้แพงมากๆๆ แม่ไปที หมื่นกว่า สองหมื่น ตามแต่ยาหรือจำนวนเข็มที่ได้ฉีดไป แต่โชคดีที่แม่มีสิทธิ์เบิกได้ ถือว่าเป็นโชคดีอย่างหนึ่ง แม้มันจะอยู่ในส่วนหนึ่งขอความโชคร้ายที่เป็นโรคนี้ ) ทุกครั้งที่พาแม่ไปฉีดโบทอกซ์ แม่จะปวดตรวจรอยเข็มฉีดยาทุกครั้ง กว่าจะหายใช้เวลาหลายวัน และยาจะมีฤทธิ์อยู่ได้แค่ 2-3 เดือน ได้ยาทานมาด้วย ระหว่างที่เทียวไปรักษา หมอก็ให้ตรวจร่างกายเพิ่มเติม ตรวจทุกอย่าง ตรวจกระดูก ตรวจสมอง (ที่นอนเข้าไปในเครื่อง เขาเรียก MRI ถ้าจำไม่ผิด) อะไรก็ตรวจมาหมด เพราะนอกจากแม่จะคอหันโดยไม่รู้ตัวแล้ว แม่จะปวดหลัง ปวดหัว ปวดท้ายทอย อยู่ตลอดเวลา เวลาแม่ปวดมากๆ แม่ทำอะไรไม่ได้เลย หมอบอกว่าคอหันไปทำให้ร่างกายเกร็งไปโดยอัตโนมัติ ให้นึกถึงท่าอะไรที่เราอยู่นานๆ แล้วก็จะเริ่มปวด .. หลังๆ แม่ทานข้าวก็จะสำลักบ่อยมาก หมอก็บอกว่าเพราะคอหันนั่นแหละ ตอนนี้ก็ให้แม่คอยจับเวลาให้ก้มหน้า หรือหันหน้ามาทางซ้าย ให้ทำเป็นระยะๆ เพื่อจะได้ช่วยผ่อนคลาย

images

…ทุกวันนี้เรายังต้องเทียวไปหาหมอทุก 2-3 เดือน ตามหมอนัดตลอด จะว่าไปก็เป็นเวลา 5-6 ปี ตั้งแต่แม่ผ่าหัวใจ แล้วก็รักษาตัวต่อเรื่องโรคกล้ามเนื้อบิดเกร็ง หมอบอกว่า โรคไม่อันตรายถึงชีวิต แต่ไม่หายขาด… แต่เราก็ยังมีความหวังว่าวันหนึ่งแม่จะหาย ตอนนี้คอแม่เริ่มดีขึ้น ไม่หันไปมาก แต่ก็ยังเจ็บๆ ปวดๆ อยู่ ทุกวันนี้ก็อาศัยถุงน้ำร้อนไฟฟ้า ประคบหลัง แม่บอกหากไม่มีถุงน้ำร้อน แม่คงแย่แน่ๆ ใช้ความร้อนจากถุงน้ำร้อนประคบหลัง หรือบริเวณที่ปวดแล้วก็จะดีขึ้น เบาขึ้น บางครั้งไม่ไหวจริงๆ ก็จ้างคนที่นวดเป็นแถวบ้านมานวดให้

อาการแบบนี้ทุกคนมีสิทธิ์เป็นได้โดยไม่รู้ตัว และคนสมัยนี้ คนยุคทำงานอย่างเราๆ ท่านๆ ที่นั่งแต่หน้าคอม นั่งแต่โต๊ะทำงาน วันหนึ่ง 7-8 ชั่วโมง อาจจะมากกว่านั้น ควรจะต้องออกกำลังกายบ้าง ทำจิตใจให้สงบ ฝึกทำสมาธิ ไม่เครียด หากเกิดอาการผิดปกติอะไรก็ต้องรีบไปปรึกษาหมอ ทานอะไรที่เป็นเพื่อสุขภาพมากขึ้น ใช้ชีวิตให้เข้ากับธรรมชาติ คิดว่าน่าจะช่วยให้เราห่างไกลจากโรคต่างๆ ได้

เล่ามาซะยาวหวังว่าเพื่อนๆ จะได้ดูแลสุขภาพของตัวเองและคนที่รักเสมอๆ

เราเจอไฟล์วีดีโอที่มีหมอมาพูดถึงโรคกล้ามเนื้อเกร็ง ในรายการอโรคา ปาร์ตี้

 

Facebook Comments