ถ้ำเชียงดาว

ถ้ำเชียงดาว อ.เชียดาว จ.เชียงใหม่ หลังจากล่องแพแม่น้ำปิงที่ศูนย์ฝึกช้างเชียวดาวกันแล้ว เราก็มุ่งหน้าต่อไปยัง “ถ้ำเชียงดาว”ระยะทางไม่ไกลกัน ถนนก็โล่งดี (ทั้งๆ ที่เป็นช่วงสงกรานต์) ถ้ำเชียงดาวเคยไปสมัยเด็กๆ แล้ว ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งที่ 2 ที่ได้ไปเที่ยว เดินเข้าไปในถ้ำจะพบลานกว้างๆ มีคนอยู่เยอะ นั่งเรียงกันเป็นแถว ใส่เสื้อม่อห้อมด้วย สรุปว่า เป็นเจ้าหน้าที่ ซึ่งก็คือชาวบ้านระแวกนั้นเขาตั้งเป็นชมรมขึ้นมา เพื่อบริการนักท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เข้าไปต้องมีคนนำทางพร้อมตะเกียง และต้องจ่ายเงิน 100 บาท ซึ่งเขาแจ้งว่า 100 บาท นี้เป็นค่าตะเกียงให้วัด สำหรับคนนำทางเป็นชาวบ้านที่อาสามาทำเขาจะไม่ได้รับเงินส่วนแบ่งใน 100 บาทนี้ ซึ่งเราจะให้เขาเท่าไหร่ก็ได้ตามกำลังของเรา (ในใจนึกแว้บมาว่า เอาแล้วไหมละ ฮาๆ สงสัย สงสัย) แต่ก็อืม ไหนๆ ก็มุดเข้ามากันแล้ว อยากจะเข้าไปข้างในอีก แต่ให้ไปกันเองคนไม่ได้ ก็ตกลงใช้บริการ ได้ลุงคนหนึ่งนำทาง ระหว่างทางแกก็จะเล่าประวัติต่างๆ นาๆ ให้ฟัง (เล่าเป็น “คำเมือง”  (ภาษาเหนือ)) ช่วงที่เดินตามลุงเข้าไป สังเกตว่ามีผู้ชายคนหนึ่งใส่เสื้อสีขาวเดิน

ตามหลังมา คิดว่าเป็นนักท่องเที่ยวเหมือนเรา ก็เลยไม่ได้คิดอะไรต่อ เดินตามลุงแกไปเรื่อยๆ แล้วมาหยุดตรงห้องโถงใหญ่ๆ ในถ้ำ ระหว่างฟังลุงเล่า ผู้ชายเสื้อขาวคนที่เห็นเดินตามมา ก็เดินแทรกขึ้นมายืนข้างลุงคนนั้น (ไอ้เราก็ใจหวั่นๆ ละว่า เฮ้ย มันไม่ใช่นักท่องเที่ยว แล้วมันเป็นใคร) จากนั้นผู้ชายคนนั้นก็พูดขึ้นมาว่า ขออนุญาตนะครับ และก็แนะนำตัวเองว่า เป็นตากล้องที่ให้บริการในการถ่ายภาพเป็นที่ระลึก สนใจอยากถ่ายจุดไหนบอกได้ ใบละ 80 บาท!!!  พอได้ยินคำว่า 80 บาทจบ คุณหนึ่งก็พูดสวนว่า มีกล้องมาแล้ว คนถ่ายก็มีแล้วคงไม่ใช้บริการ ซึ่งเราพกกล้องเราไปแล้ว คุณหลานก็ถ่ายรูปได้ในระดับเซียน เรื่องอะไรจะไปเสียอีกใบละ 80 บาท เขาเดินมาเองเราไม่ได้เรียกบริการเขาซักหน่อย (ในใจเริ่มจะไม่ชอบ และหงุดหงิดที่เจอแบบนี้ เพราะอะไร เพราะทุกจุดที่ลุงบอกว่า สวย ประวัติเป็นอะไร ผู้ชายคนนั้นก็จะพูดแทรกมาว่า ถ่ายตรงนี้แล้วสวยนะครับ สนใจถ่ายรูปไหมครับ ถ่ายเดี่ยว ถ่ายหมู่ เดี๋ยวผมถ่ายให้ …พูดซ้ำๆ แบบนี้ 3 จุด จนน้องรำคาญก็เลย ถ่ายก็ถ่าย สรุปว่า ถ่ายไป 2 รูป หมดเงินไป 160 บาท (เสียเงินเพราะความรำคาญ หรือความเกรงใจ คิดเอาเอง เฮ้อ) พอเราบอกว่า 2 รูปพอแล้ว ผู้ชายคนนั้นก็บอกว่าจะเอารูปไปให้ที่รถ เราก็งงๆ ว่า แล้วรู้จักรถเราได้ยังไง.. สงสัยกันไหม…ดี๋ยวมาเล่าต่อ วกกลับไปเรื่องลุงนำทาง  หมดความวุ่นวายของคนตื้อตามถ่ายรูป ลุงก็พามุดไปตามทาง โผล่ถ้ำโน้น ถ้ำนี่ ประมาณ 3 ถ้ำ น้องเริ่มหายใจอึดอัด ไอ้เราก็เดินหอบแหกๆ เริ่มพากันถามหาทางออกอย่างเดียว พอถึงทางออก ลุงก็หยุดเดิน หันมาคุยพรรณาบอกว่า 100 บาทที่ให้ตะกี้คือค่าตะเกียงของวัด สำหรับลุงเป็นชาวบ้านที่อาสามาช่วย สำหรับเงินค่าตอบแทนลุงแล้วแต่จะให้ 100-200 บาท ก็แล้วแต่ !!!!!!!……….. ได้ยินแบบนี้ก็สะดุ้งเฮือก แล้วแต่ของลุงเนี๊ยะ เล่นบอกยอดต่ำสุดของเงินที่ต้องการเสร็จสรรพนี่หว่า  เลยต้องควักให้แก 100 บาท ใจจริงก็ตั้งใจจะให้ 100 บาทนะแหละ แต่ไม่ค่อยชอบที่แกพูดย้ำเรื่องแล้วแต่จะให้ เพราะพูดประโยคนี้ 3 รอบ รอบแรกตอนตกลงใช้คนนำทางที่เจอครั้งแรกเราก็เข้าใจหลักเกณฑ์แล้ว รอบสองแกก็พูดระหว่างทาง รอบสามแกมาพูดตอนหมดภารกิจ….. การท่องเที่ยวในวันนี้ ไม่มีเงิน นี่เที่ยวไม่ได้จริงเหรอนิ ประเทศไทยของเรา

อ่ะ… ลืมเรื่องว่าผู้ชายจะรู้จักรถเราได้ยังไง เราก็สงสัยกัน เพราะรถจอดเยอะมาก เราก็กลับไปที่รถ ยังคุยกันอยู่ว่ามันจะรู้เหรอ กำลังจะเปิดประตูรถ ผู้ชายคนนั้นก็ขับมอเตอร์ไซต์เข้ามา พร้อมยื่นรูปให้น้อง เพราะบอกน้องว่าให้รับเองไม่ชอบ ฮาๆ กวนดีม่ะ …สรุปว่า คนพวกนี้เขาจะอยู่กันเป็นจุด แบบดักรอลูกค้า จับตาดูทุกย่างก้าวที่เราเข้าไปเลยทีเดียว แสดงว่าเขามอง และเลือกเราตั้งแต่เราเอารถไปจอด แล้วเขาก็ตามเราเข้าไป ขับรถออกมาเห็นอยู่กันเป็นกระจุก นี่คือ ช่องทางหากินของเขาอีกช่องทางหนึ่งละสินะ ….

ภาพบรรยากาศภายในถ้ำเชียงดาว

ถ้ำเชียงดาว

ถ้ำเชียงดาว

ถ้ำเชียงดาว

ถ้ำเชียงดาว

Facebook Comments